ข่าวอาชญากรรม
เกิดเหตุปาระเบิดหน้าเวทีรำวงย้อนยุค ดับ 4 ศพ เจ็บเพียบ ล่าสุดจับคนร้ายได้แล้ว
ระทึก เกิดเหตุ "ปาระเบิด" หน้าเวทีรำวงย้อนยุคกลางงานกาชาด อ.อุ้มผาง พบเสียชีวิต 4 ศพ คนบาดเจ็บเพียบ ล่าสุดจับคนร้ายได้แล้ว
เมื่อเวลา 23.30 น. วันที่ 13 ธ.ค. 2567 พ.ต.อ.ศุภกร พิพัฒน์พิมพา ผกก.สภ.อุ้มผาง จังหวัดตาก รับแจ้งมีเหตุขว้างระเบิดกลางงานกาชาดแผ่นดินดอยลอยฟ้า อำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก ประจำปี 2567 มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก หลังรับแจ้งเหตุเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนพร้อมหน่วยกู้ชีพโรงพยาบาลอำเภออุ้มผางและทีมอาสาสมัครอำเภออุ้มผางจากทุกหน่วยงานถูกระดมกำลังเข้าไปตรวจสอบเหตุอย่างเร่งด่วน
จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุเป็นบริเวณภายในงานกาชาด ซึ่งมีประชาชนจำนวนมากกำลังเดินท่องเที่ยวเต็มบริเวณงานซึ่งเป็นพื้นที่โล่งแจ้งกลางดอยสูงชันใกล้กับสนามบินเก่าอุ้มผางและที่บริเวณหน้าเวทีรำวงย้อนยุค ซึ่งขณะนั้นมีชาวบ้านจำนวนมากต่างกำลังเต้นรำท่ามกลางเสียงดนตรีอย่างสนุกสนาน พบหลุมระเบิดบนพื้นดินจำนวน 1 หลุมและพบชาวบ้านทั้งเด็กวัยรุ่น ผู้ใหญ่ และคนสูงวัยจำนวนมาก ต่างนอนล้มลงไปกองกับพื้นดินหน้าเวทีรำวงย้อนยุคทั้งนี้ ยังมีชาวบ้านอีกจำนวนมากต่างก็ตกใจเสียงระเบิด ต่างก็รีบวิ่งหนีออกจากจุดเกิดเหตุแบบฝุ่นตลบแบบไม่คิดชีวิต เจ้าหน้าที่ประจำเวทีย้อนยุคต้องใช้เครื่องกระจายเสียงประกาศขอให้ผู้ไม่เกี่ยวข้องรีบออกนอกจุดเกิดเหตุอย่างเร่งด่วน พร้อมเปิดทางให้ทีมหน่วยกู้ชีพทุกหน่วยเร่งเข้าไปช่วยเหลือและพบผู้ได้รับบาดเจ็บอาการสาหัสจำนวน 4 ราย ถูกสะเก็ดระเบิดบริเวณส่วนสำคัญของร่างกายจมกองเลือดเสียชีวิต ขณะช่วยเหลือจำนวน 2 ศพ
นอกจากนี้ ยังพบผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนเบื้องต้น 38 คน ซึ่งบางรายต้องทำการช่วยชีวิตด้วยการปั๊มหัวใจในจุดเกิดเหตุและบางรายมีบาดแผลฉกรรจ์จากสะเก็ดระเบิดจนเลือดท่วมตัว จนเวลาผ่านนานกว่า 20 นาทีเจ้าหน้าที่จึงสามารถลำเลียงผู้ได้รับบาดเจ็บทั้งหมดส่งห้องฉุกเฉินโรงพยาบาลอุ้มผางและต้องระดมทีมแพทย์และพยาบาลมาช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บจนคนล้นโรงพยาบาลอุ้มผาง
นายมาโนช โพธิ์เนียม นายอำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก เผยว่า งานแผ่นดินดอยลอยฟ้าจัดทั้งหมด 7 วัน 7 คืนในการเตรียมการมีชุดรักษาความปลอดภัยของหมู่บ้านวันละ 60 คน อส. 20 นายมีเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารสำหรับการจัดงานมีหลายเวที ทั้งเวทีใหญ่ใช้ในการประกวด เวทีกิ่งกาชาดอำเภออุ้มผาง และมีเวทีรำวงย้อนยุค สำหรับเวทีรำวงย้อนยุคมีกล้องวงจรปิดและระมัดระวังทางด้านความปลอดภัยและระมัดระวังความปลอดภัยภายในงาน แต่เหตุการณ์เกิดขึ้นหลังเวลา 23.00 น. ซึ่งเป็นเวลาปิดงานแล้วและเป็นเหตุการณ์รุนแรงปาระเบิดไม่ใช่เป็นการชกต่อยธรรมดา
ขณะที่ นายบุญช่วย หอมยามเย็น
รองผู้ว่าราชการรักษาการผู้ว่าราชการจังหวัดตาก
ได้สั่งการให้จัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าว
รวมแล้วมีทั้งหมด 50 กว่ารายที่ได้รับผลกระทบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
มาตรการสำหรับการจัดงานในปีต่อไป คงต้องมีการประชุมกับคณะกรรมการผู้จัดงาน
ถ้าเป็นเหตุการณ์ในลักษณะนี้แล้ว ปีต่อไปคงต้องงดจัดเวทีรำวงย้อนยุค
เพราะเป็นจุดล่อแหลมของการรวมตัวกันของวัยรุ่น
แต่เวทีใหญ่และเวทีกาชาดยังคงมีอยู่
ทางด้าน
พ.ต.อ.ศุภกร พิพัฒน์พิมพา ผกก.สภ.แม่สอด เผยว่า
ขณะนี้ได้จับกุมตัวชายวัยรุ่นชาวกะเหรี่ยงได้แล้ว 2 คน
แต่เนื่องจากผู้ก่อเหตุเป็นเยาวชนอายุ 16 ปี กับ 17 ปี
โดยหนึ่งในนั้นให้การรับสารภาพ
ส่วนอีกหนึ่งคนต้องรอพยานบุคคลในที่เกิดเหตุมาทำการชี้ตัวก่อนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป. https://banphuetvnews.com/
บิ๊กอ้อ เผย สจ.โต้ง ถูกไล่ยิงจากชั้นสอง เชื่อวางแผนไว้ก่อน แจ้งข้อหาเพิ่ม ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรอง... อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : https
บิ๊กอ้อ เผย สจ.โต้ง ถูกไล่ยิงจากชั้นสอง เชื่อวางแผนไว้ก่อน แจ้งข้อหาเพิ่ม ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
สจ.โต้ง – จากกรณีเกิดเหตุยิงสนั่นที่บ้าน นายสุนทร วิลาวัลย์ นายก อบจ.ปราจีนบุรี ซึ่งปรากฏว่าในเวลาต่อมา พบ นายชัยเมศร์ สิทธิสนิทพงศ์ หรือ ส.จ.โต้ง ลูกบุญธรรมของนายสุนทร ถูกยิงเสียชีวิตภายในบ้าน ก่อนที่ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจจะคุมตัวนายสุนทรกับพวก รวม 7 คน ดำเนินคดีในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยใช้อาวุธปืนนั้น
เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี หรือ บิ๊กอ้อ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ได้บินด่วนโดยเฮลิคอปเตอร์มายังกองบังคับการ จังหวัดปราจีนบุรี เพื่อมาติดตามคดีด้วยตนเองและลงตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุด้วยตนเอง.ต่อมาเมื่อช่วงบ่าย พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ได้ให้สัมภาษณ์หลังจากการลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุ และประชุมร่วมกับตำรวจในพื้นที่ ว่า จากการสอบสวนพบว่าเริ่มยิงกันที่บริเวณชั้น 2 ของบ้าน ทางสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ (สพฐ.) กำลังอยู่ระหว่างรวบรวมพยาน ส่วนคนที่ยิงนั้นอยู่ในสำนวนแล้ว
พล.ต.ท.อัคราเดชกล่าวว่า บ้านที่เกิดเหตุมีอยู่ 3 ชั้น พบกระสุนตกหลายจุด โดยเฉพาะในชั้นล่างของบ้าน เหตุเกิดเริ่มจากชั้น 2 โดยพบร่องรอยของการถูกทำร้าย พบร่องรอยการยิง การใช้อาวุธ ส่วนชั้นล่างเจอเศษชิ้นส่วนกระสุนอยู่เป็นจำนวนมาก จากที่ดูพยานหลักฐานน่าเชื่อว่ามีการตามมายิงข้างล่างอีกพล.ต.ท.อัคราเดชกล่าวว่า ส่วนวิถีกระสุนเจอทั้งยิงในบ้านและนอกบ้าน ส่วนวงจรปิดนั้น รอให้ สพฐ.สรุปว่าวงจรปิดใช้งานได้หรือไม่ ส่วนข้อถามว่า มีการวางแผนไว้ก่อนหรือไม่ ตนมองว่า เชื่อว่ามีการวางแผนมาก่อน มีการแบ่งหน้าที่ มีการวางแผน ทั้งนี้ยังไม่ฟันธงว่าใครเป็นคนยิง โดยมอบหมายให้แจ้งข้อหาเพิ่มเติมไปว่า ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ส่วนการบงการต้องมาดูสำนวนการสอบสวนว่าคนบงการนั้นมีคนเดียว หรือมีทีมงานด้วย
พล.ต.ท.อัคราเดชกล่าวว่า ทั้งนี้ มองว่าภูธรภาค 2 ทำดีอยู่แล้ว แต่กองปราบก็อยู่ระหว่างพิจารณานำเรื่องมาส่วนกลางหรือไม่
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีตำรวจอยู่ในที่เกิดเหตุหรือไม่ พล.ต.ท.อัคราเดชกล่าวว่า ในที่เกิดเหตุไม่มี แต่ด้านนอกมีเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ 4-5 ราย ซึ่งขณะนี้มอบหมายให้ไปตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วว่าเข้าไปดูแลความปลอดภัยของใคร ดูความปลอดภัยของบ้าน หรือของผู้ตาย
ผู้สื่อข่าวถามว่า จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุ มีการพยายามทำลายหลักฐานหรือไม่ พล.ต.ท.อัคราเดชกล่าวว่า ดูจากเบื้องต้นพบว่ามีความพยายามที่จะเปลี่ยนแปลงสถานที่บางอย่าง แต่จากการสอบปากคำโดยละเอียด มั่นใจในการสอบสวนว่าสามารถเดินไปได้ถูกทิศทางผู้สื่อข่าวถามว่า มีการวางแผนล่วงหน้ามาก่อนหรือไม่ พล.ต.ท.อัคราเดชกล่าวว่า จากการประชุมเชื่อว่าไม่ได้เป็นเหตุฉับพลันในวันนั้น มีการวางแผนล่วงหน้ามาก่อน ใครจะพูดอะไรเรารับฟัง เชื่อหรือไม่เชื่ออยู่ที่พยานหลักฐาน
ผู้สื่อข่าวถามว่า คนยิงมีความรู้ความสามารถในเรื่องนี้ พล.ต.ท.อัคราเดชกล่าวว่า คนใช้ปืนเป็นต้องมีความรู้ต้องยับยั้งได้ คือนัดแรกต้องหยุดก่อน นัดต่อไปก็ตามยิง
ต่อมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตำรวจภูธรจังหวัดปราจีนบุรี ได้เผยแพร่เอกสารข่าวแจก กรณีข่าวเหตุยิงกันตายภายในบ้านพักของนายสุนทร วิลาวัลย์ นายก อบจ.ปราจีนบุรี
พ.ต.อ.ประสงค์ ศิริทิพย์วานิช รอง ผบก.ภ.จว.ปราจีนบุรี ในฐานะโฆษก ได้เปิดเผยว่า 1.ตามเหตุการณ์ที่เป็นข่าวกรณีเหตุยิง ส.จ.โต้ง เสียชีวิตในบ้านนายสุนทรู วิลาวัลย์ ซึ่งที่ผ่านมาพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหาผู้ต้องหาทั้ง 7 คน “ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา, ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต” นั้น
ในวันนี้ (13 ธ.ค.67) พนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม และพิจารณาแจ้งข้อกล่าวหาต่อผู้ต้องหาทั้ง 7 คน “ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต”
2.ในวันนี้ (13 ธ.ค.67) เวลา 10.30 น. พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. ได้มอบหมายให้ พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร.(ปป.2) (สส.2) ให้ควบคุมกำกับการปฏิบัติกรณีดังกล่าว โดย พล.ต.ท.อัคราเดชได้นำตรวจบ้านที่เกิดเหตุ พร้อมประชุมติดตามคดี และสั่งการ โดยมี พล.ต.ต.นันทวุฒิ สุวรรณละออง รอง ผบช.ภ.2, พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป., พล.ต.ต.ภูมินทร์ สิงหสุต ผบก.ภ.จว.ปราจีนบุรี พ.ต.อ.หญิง กิตติยา โตพัฒนกุล นวท.(สบ 4) พฐ.จว.ปราจีนบุรี ผู้ที่เกี่ยวข้องและทีมสืบสวนในคดีนี้ ซึ่งมีความคืบหน้าในการสืบสวนสอบสวนเป็นอย่างมาก
3.ขณะนี้ได้ดำเนินการนำตัวผู้ต้องหาทั้ง 7 คนไปฝากขังต่อศาลจังหวัดปราจีนบุรี ซึ่งพนักงานสอบสวนได้คัดค้านการประกันตัวผู้ต้องหาทั้ง 7 คน.
เปิดพฤติการณ์ ลวงสังหาร ส.จ.โต้ง ‘โกทร’ เตรียมคน-อาวุธถล่ม ก่อนเรียกลูกบุญธรรมมาบ้าน..
เปิดพฤติการณ์ สังหารโหด สจ.โต้ง ชี้ทั้ง 7 วางเเผนจัดเตรียมคน-อาวุธถล่ม ชนวนเหตุการเมืองเลือกตั้ง นายก อบจ. ศาลไม่ให้ประกัน เหตุพฤติการณ์อุกอาจเกรงจะไปยุ่งกับพยานหลักฐาน
เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม ที่ศาลจังหวัดปราจีนบุรี พนักงานสอบสวน สภ.อ.ปราจีนบุรี ได้นำตัวนายธนศรัณย์ หรือ กอล์ฟ อายุ 32 ปี มือยิง , นายศักดิ์สิทธิ์ หรือ ตูน อายุ 34 ปี มือยิง, นายธนภัทร อายุ 18 ปี , นายอภิสิทธิ์ อายุ 34 ปี , นายสิทธิชัย อายุ 41 ปี , นายภัทรนนท์ อายุ 38 ปี ,นายสุนทร วิลาวัลย์ หรือ โกทร อายุ 85 ปี มายื่นคำร้องฝากขังครั้งเเรกต่อศาลเป็นเวลา 12 วัน
คำร้องฝากขัง ระบุพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม เวลาประมาณ 20.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองปราจีนบุรี ได้รับแจ้งมีเหตุได้ยินเสียงอาวุธปืน จำนวนหลายนัด ที่บ้าน ถนนโรมันอุทิศ ต.หน้าเมือง อ.เมืองปราจีนบุรี จ.ปราจีนบุรี จึงได้ร่วมกันไปตรวจสอบที่บ้านดังกล่าว เมื่อไปถึงบริเวณหน้าบ้านมีลักษณะสามชั้น มีรั้วรอบไว้ทุกด้านเปิดประตูไม่ได้ จึงได้วางกำลังปิดล้อมไว้และรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ
จากนั้นเมื่อผู้บังคับบัญชาเดินทางมาถึง จึงได้มีการเจรจากับคนที่ดูแลบ้าน เบื้องต้นยินยอมให้เฉพาะเจ้าพนักงานตำรวจ เข้าไปในบ้านเพื่อตรวจสอบเหตุ เมื่อเข้าไปในบริวเณบ้านได้แล้ว พบ นายสุนทร วิลาวัลย์ ผู้ถูกจับกุมที่ 7 อยู่บริเวณหน้าบ้านนอกตัวบ้าน
และเมื่อเข้าไปในตัวบ้านก็พบ นายสิทธิชัย ผู้ถูกจับกุมที่ 5 และ นายภัทรนนท์ ผู้ถูกจับกุมที่ 6 อยู่ที่ห้องโถงชั้นล่าง และพบศพนายชัยเมศร์ สิทธิสนิทพงศ์ หรือ ส.จ.โต้ง นอนอยู่บริเวณบันไดทางขึ้น ปลายเท้าอยู่ตรงบันได และ พบปลอกกระสุนหลายนิดและหลายขนาด อยู่ข้างศพ โดยนอนหงายปลายเท้าอยู่ที่บันได และพบแม็กกาซีนแบบยาวขนาด 9 มม.ตกอยู่หนึ่งอัน ใต้โซฟา และร่องรอยกระสุนปืนที่พื้น ใกล้กับศพผู้ตาย จากนั้นขึ้นไปตรวจสอบบนชั้นที่ 2 ของบริเวณบ้านดังกล่าว
จากนั้นจึงพากันไปบันไดไปตรวจสอบบริเวณชั้นที่ 2 ของบ้าน เมื่อไปพบกับนายธนศรัณย์ ผู้ถูกจับที่ 1 ให้การเบื้องต้น ได้ใช้อาวุธปืนพกสั้น ออโตเมติก ขนาด 9 มม.ยิงผู้ตาย และอาวุธปืนยาว ลูกซองขนาด 12 วางอยู่ที่พื้นใกล้กับบันได และ นายศักดิ์สิทธิ์ ผู้ถูกจับที่ 2 ให้การเบื้องต้นว่า ใช้อาวุธปืนลูกยาว ของกลางรายการที่ 2 ที่วางอยู่ที่พื้นยิงผู้ตาย ในที่เกิดเหตุ โดยผู้ถูกจับกุมที่ 1,2 ให้การอีกว่าที่ต้องยิงผู้ตายเพราะว่า เกิดทะเลาะกับผู้ตายในที่เกิดเหตุ และ พบนายธนภัทร ผู้ถูกจับที่ 3 และ นายอภิสิทธิ์ ผู้ถูกจับที่ 4 อยู่บนชั้นที่ 2 ของบ้าน บริเวณห้องนอนใหญ่ขึ้นบันไดอยู่ทางขวามือ ของบ้านหลังดังกล่าว จึงควบคุมตัวผู้ถูกจับกุมที่ 1-4 ไว้ จากนั้นจึงได้รายงานเหตุ
เบื้องต้นให้กับผู้บังคับบัญชาทราบ จากนั้นพนักงานสอบสวนและพิสูจน์หลักฐานและแพทย์ก็มาตรวจสถานที่เกิดเหตุ และชันสูตร เจ้าพนักงานตำรวจชุดจับกุม จึงได้นำตัวผู้ถูกจับกุมที่ 1-7 มายัง สภ.เมืองปราจีนบุรี และแจ้งให้กับผู้ถูกจับทราบว่าจะต้องถูกจับกุม ในความผิดฐาน “ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ร่วมกันมีอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
เนื่องจากคดีมีพฤติการกระทำที่อุกอาจร้ายแรงไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย เป็นอันตรายต่อสังคม และเชื่อว่าผู้ถูกจับกุมที่ 1-7 รู้เห็นเป็นใจ และมีการแบ่งหน้าที่กันทำ และ มีส่วนร่วมกันในการกระทำผิด โดยผู้ถูกจับกุมที่ 7 เป็นเจ้าของบ้าน และนัดหมายให้ผู้ตายมาพบที่บ้านที่เกิดเหตุ จึงเชื่อว่า มีการร่วมกันกระทำผิดในคดีนี้ และเกรงว่าผู้กระทำผิดจะหลบหนี หยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐานหรืออาจก่อเหตุร้ายประการอื่น และไม่อาจจะขอหมายจับจากศาลได้ จึงต้องจับกุมตัวผู้ต้องหาที่ 1-7 เพื่อนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองปราจีนบุรี เพื่อดำเนินคดีให้ได้รับโทษตามฎหมาย
ผู้ถูกจับกุมที่ 1,2 รับว่า ใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายถึงแก่ความตายจริง ส่วนผู้ต้องหาที่ 3-7 ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา จากนั้นจึงบันทึกจับกุมตัว และนำตัวผู้ต้องหาพร้อมด้วยของกลางนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองปราจีนุนรี เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
ต่อมาวันที่ 13 ธันวาคม ได้แจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม หรือฐานความผิด รายละเอียดข้อเท็จจริงในคดีเพิ่มเติมให้ผู้ต้องหา ทราบตามที่ได้แจ้งให้ทราบก่อนหน้านี้ และพนักงานสอบสวนได้แจ้งพฤติการณ์และข้อเท็จจริงเพิ่มเติม ให้ผู้ต้องหาทราบว่า ก่อนเกิดเหตุผู้ตายกับผู้ต้องหาที่ 7 มีความสนิทสนมกันเป็นอย่างมาก จนผู้ตายบอกกับใครๆว่าเป็นลูกบุญธรรมของผู้ต้องหาที่ 7 ต่อมาผู้ตายกับผู้ต้องหาที่ ได้มีการขัดแย้งทางการเมืองกันอย่างรุนแรง เพื่อรับเลือกตั้งเป็นนายกและสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดปราจีนบุรี ซึ่งจะมีการเลือกตั้งภายในปี พ.ศ.2567 ที่จะถึงนี้ โดยผู้ตายประสงค์จะให้ภรรยาลงรับสมัครเลือกตั้งในตำแหน่งดังกล่าว
ส่วนผู้ต้องหาที่ 7 จะส่งบุคคลอื่นลงรับสมัครเลือกตั้งดังกล่าว สร้างความไม่พอใจและทำให้เกิดความขัดแย้งกันอย่างรุนแรง ทำให้ต่างฝ่ายต่างระมัดระวังตัวว่าจะถูกลอบทำร้าย จึงได้มีการตระเตรียมกำลังคน อาวุธและเครื่องกระสุนปืนไว้ ในวันเกิดเหตุวันที่ 11 ธ.ค.2567 ผู้ต้องหาที่ 1-7 ได้วางแผนที่จะฆ่าผู้ตาย โดยแบ่งหน้าที่กันทำ ทั้งจัดเตรียมกำลังคน อาวุธปืนร้ายแรงและเครื่องกระสุนจำนวนมาก จึงนัดหมายให้ผู้ตายมาพบผู้ต้องหาที่ 7 ที่สำนักงานที่ตั้งอยู่ใกล้กับบ้านพักที่เกิดเหตุ แต่ไม่พบผู้ต้องหาที่ 7 ผู้ตายกับพวก จึงได้พากันเดินไปที่บ้านพักของผู้ต้องหาที่ 7 โดยผู้ต้องหาที่ 7 ได้ออกมาพบผู้ตายที่บริเวณหน้าบ้านพัก และได้มีปากเสียงกันอย่างรุนแรง
โดยระหว่างนั้นผู้ต้องหาที่ 1-6 ก็ได้หลบซุ่มรอก่อเหตุอยู่ภายในห้อง และภายในบริเวณบ้านที่เกิดเหตุ เมื่อการโต้เถียงกันเสร็จสิ้นล งเหมือนจะทำความเข้าใจระหว่างกันได้แล้ว ผู้ตายจึงได้เข้าไปภายในบ้านพักเพื่อจะไปส่งผู้ต้องหาที่ 7 เข้านอน และพูดคุยกันตามปกติที่เคยทำมาโดยตลอด โดยระหว่างนั้นผู้ต้องหาที่ 1-6 ได้แบ่งหน้าที่และแบ่งกำลังกัน โดยเตรียมอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ก่อเหตุ ได้ดักรอผู้ตายอยู่ภายในห้องพักบนชั้นที่ 2 ของบ้านที่เกิดเหตุ ส่วนผู้ต้องหาที่ 5-6 รออยู่ที่บริเวณชั้นล่างของบ้านพัก เมื่อผู้ตายพูดคุยกับผู้ต้องหาที่ 7 เสร็จสิ้น ก็ออกจากห้องพักของผู้ต้องหาที่ 7 กำลังเดินลงบันไดเพื่อลงมาที่ชั้นล่าง ระหว่างนั้นผู้ต้องหาที่ 1-6 ได้ใช้อาวุธปืนของกลาง ยิงใส่ผู้ตายหลายนัด จนตกลงมานอนเสียชีวิต ที่บริเวณทางขึ้น-ลงบันได หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ไปเข้าตรวจสอบในที่เหตุ และจับกุมผู้ต้องหาที่ 1-7 พร้อมตรวจยึดอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน ปลอกกระสุนปืนจำนวนมากที่ใช้ก่อเหตุ ที่อยู่ในที่เกิดเหตุ นำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย
สำหรับของกลางที่ตรวจยึดได้คือ 1.อาวุธบินสั้นกึ่งอัตโนมัติขนาด 9 มม.ยี่ห้อGlockoat สีดำ พร้อมแม็กกาซีน1 อัน บรรจุอยู่ในตัวปืนพร้อมเครื่องกระสุนปืนขนาด 9 มม. จำนวน 122นัด และ 1 นัดอยู่ในรัมพลิง รวมเครื่องกระสุนปืน จำนวน 53นัด 2.ปืนกลมือกึ่งอัตโนมัติ ขนาด 9 มม. ยี่ห้อ EMTAN ISRAEL สีดำ จำนวน 1 กระบอก ขนาด 9มม. พร้อมแม็กกาซีน 1 อัน บรรจุอยู่ในตัวปืนพร้อมเครื่องกระสุนปืน ขนาด 9มม. จำนวน 27นัด และ 1นัดอยู่ในรังเพลิง รวมเครื่องกระสุนปืน จำนวน 28 นัด 3.แม็กกาชีน GLOCK 1 อัน เครื่องกระสุนขนาด 9มม.จำนวน 15 นัด บรรจุในแม็กกาซีน เครื่องกระสุนปืนขนาด 9มม. จำนวน 28 นัด บรรรจุในแม็กกาชีน ROCK ISLAND 1 อัน เครื่องกระสุนปืนขนาด .45 ACP. จำนวน 13นัด
4.ปืนพก กึ่งอัตโนมัติ ยี่ห้อ ROCK ISLAND ขนาด.45 ACP. สีเทา-ดำ เครื่องกระสุนปืนปีนขนาด.45ACP. บรรรจุในแม็กกาขึ้น 1นัดในรังเพลิง รวมเครื่องกระสุนปืน จำนวน 13นัด 5.ปืนรีวอลโว่ แบบลูกโม่ ยี่ห้อ SMITH & & WESSON ขนาด 357สีเงิน พร้อมด้วยเครื่องกระสุนปืน ขนาด .357บรรจุในลูกโม่ จำนวน 6นัด นัด ซุกซ่อนอยู่ในกระเป้าสะพายข้างสีเทา-ดำ ซุกซ่อนอยู่บริเวณเคาท์เตอร์ภายในห้องโถง
6.เครื่องกระสุนปืน ขนาด 9มม. จำนวน 34นัด บรรจุในกล่อง เครื่องกระสุนปืน ขนาด 9 มม. จำนวน377นัด บรรจุอยู่ในกล่อง ซุกซ่อนอยู่ในกระเป้าสะพายข้าง ดำ ซุกซ่อนอยู่บริเวณเคาท์เตอร์ภายในห้องโถง 7.เสื้อคลุมสีดำเเขนยาวมีหมวกคลุม 8.อาวุธป็นสั้นถึงอัตโนมัติขนาด 9มม.ยี่ห้อ Glock 19 สีดำไม่ได้บรรจุเครื่องกระสุนปืน วางแอบซ่อนอยู่ใต้หมอนภายในห้องพักชั้นสามพร้อมแม็กกาชีน 3 อัน 9.ปืนพกกึ่งอัตโนมัติยี่ห้อ บาเร็ตต้า ขนาด 9 มม. สีดำ ไม่ได้บรรจุเครื่องกระสุนปืน พร้อมแม็กกาชีน 2 อัน และ 10.ซิฟเวอร์กล้องวงจรปิด สีดำ 1 เครื่อง
การกระทำของผู้ต้องหาเป็นความผิดฐาน “ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต” ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83 ,288 ,289(4) พรบ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน มาตรา 4,7,8,72,72ทวิ อัตราโทษ ต้องระวางโทษประหารชีวิต ในชั้นจับกุมเเละสอบสวนผู้ต้องหา 1-2 ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ผู้ต้องหาที่ 3-7 ให้การปฏิเสธ โดยผู้ร้องยังต้องสอบพยานอีก 6 ปาก รอผลตรวจรายนิ้วมือประวัติอาชญกรรมผู้ต้องหา รอผลตรวจพิสูจน์ของกลางจึงขออนุญาตศาลฝากขังครั้งเเรก
ในท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนขอคัดค้านการปล่อยชั่วคราว เนื่องจากคดีมีอัตราโทษสูง เชื่อว่าผู้ต้องหาจะหลบหนี , ผู้ต้องหาจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน เนื่องจากเป็นคดีมีอัตราโทษสูงกระทำผิดเป็นอุกอาจร้ายแรง อุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญเป็นการกระทำ ในลักษณะของผู้มีอิทธิพลไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย และความสงบเรียบร้อยของประชาชนในพื้นที่จังหวัดปราจีนบุรี หากได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวจะหลบหนียุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน หรือเหตุร้ายประการอื่น อาจมีการข่มขู่พยาน ทำให้ความเสียหายร้ายแรงต่อการสอบสวนดำเนินคดีโดยผู้เสียหายเเละพยานในคดีก็ขอคัดค้าน เนื่องจาก คดีมีอัตราโทษสูงเชื่อว่าผู้ต้องหาจะหลบหนี,ผู้ต้องหาจะไปยุ่งเหยิงพยานหลักฐานด้วย
ศาลพิจารณาเเล้วอนุญาตฝากขังเป็นเวลา 12 วัน โดยภายหลังผู้ต้องหาที่ 3-7 ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว ส่วนผู้ต้องหาที่ 1-2 ไม่ยื่นคำร้อง โดยคดีนี้มีการตีราคาประกัน 4-8 เเสนบาทต่อคน ศาลพิจารณาเเล้วไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว เนื่องจากพฤติการณ์ตามคำร้องเป็นพฤติการณ์ที่อุกอาจ เเละเป็นที่สนใจของประชาชน เกรงว่าผู้ต้องหาทั้งหมดจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน ประกอบกับผู้เสียหายค้านการประกันตัว หากอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหา เกรงว่าผู้ต้องหาทั้งหมดจะหลบหนี แม้ผู้ต้องหา ที่ 7 มีโรคประจำตัวแต่ พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ก็ให้อำนาจราชทัณฑ์ อนุญาตให้ไปรักษาตัวนอกเรือนจำได้ ในชั้นนี้จึงให้ยกคำร้อง ของผู้ต้องหาทั้ง 7 หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่กุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 7 ไปคุมขังยังเรือนจำระหว่างฝากขังต่อไป..
สาวร้องเพจดัง อ้างถูกร่างทรงล่วงละเมิดทางเพศ ทักโดนของเขมรต้องทำพิธีแก้
สาวร้องเพจดังกำแพงเพชร อ้างถูกร่างทรงล่วงละเมิดทางเพศ ทักโดนของเขมรต้องทำพิธีแก้ เชื่อมีผู้เสียหายอีกหลายราย ด้านตำรวจรวบรวมหลักฐานเพื่อที่จะออกหมายเรียก
จากกรณี แอดมินเพจ กำแพงเพชร ร้องเรียนอะไร บอกไว้ที่นี่ ได้รับการร้องทุกข์จากผู้เสียหายท่านหนึ่ง ว่าถูกร่างทรงล่วงละเมิดทางเพศ ถึง 2 ครั้ง โดยออกอุบายทักว่าโดนของต้องให้อาบน้ำมนต์ โดยต้องไปอาบน้ำมนต์ในห้องน้ำกันส่วนตัว อาศัยความเชื่อ ความกลัว ความศรัทธา มีเพศสัมพันธ์ #เหยื่อยังบอกอีกว่าไม่ได้มีเขาคนเดียวที่โดนแบบนี้ ยังมีผู้เสียหายอีกมาก หลังจากเกิดเหตุการณ์เหยื่อกังวลไม่กล้าบอกใคร กลัวครอบครัวรู้ แต่ที่ต้องออกมาเปิดโปงเพราะสุดทน ร่างทรงตามรังควานไม่เลิก จนมีปากเสียงกัน บานปลายเมียร่างทรงชี้หน้าด่า
ต่อมาเมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 29 พ.ย.67 แอดมินเพจฯ พร้อมทีมงาน ได้เดินทางพาผู้เสียหาย 2 ราย คือ น.ส.เอ (นามสมมุติ) อายุ 38 ปี และ น.ส.บี (นามสมมุติ) อายุ 27 ปี เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองกำแพงเพชร หลังได้รับการร้องทุกข์ขอความช่วยเหลือจากทางเพจ
โดยให้ข้อมูลอ้างว่าถูกร่างทรงพระพิราพ ปู่ตาไฟ ตาหลวงพรานบุญ เจ้าของตำหนักแห่งหนึ่งในพื้นที่ ม.6 ต.นครชุม อ.เมือง จ.กำแพงเพชร หลอกว่าถูกคนทำของเขมรใส่และต้องทำพิธีอาบน้ำมนต์ถอนของออกจากร่างกาย โดยหนึ่งในผู้เสียหายถูกหลอกให้ทำพิธีถึง 2 รอบ และหลอกมีเพศสัมพันธ์ในห้องน้ำภายในตำหนักวันทำพิธีไหว้ครูประจำปีของร่างทรง ซึ่งผู้เสียหายได้ไปร่วมพิธีไหว้ครูที่ตำหนักแห่งนี้เมื่อวันที่ 12 ก.ย.67 ที่ผ่านมา
น.ส.เอ (นามสมมุติ) ผู้เสียหาย เล่าว่า ก่อนหน้านี้ตนได้ไปรับน้ำมันจากพระวัดหนึ่งมาบูชาเพื่อให้ค้าขายดี แต่ชีวิตกลับแย่ลงเรื่อยๆ จึงได้เข้าไปหาร่างทรงที่ตำหนักแห่งนี้ให้ช่วยเหลือ ซึ่งก็โดนทักกลับมาว่าตนเองนั้นถูกทำของเขมรใส่ ซึ่งน้ำมันดังกล่าวที่นำมาจากพระเป็นน้ำมันผีตายโหง ทำให้ชีวิตต้องย่ำแย่ โดยต้องทำพิธีอาบน้ำมนต์ถอนของ ซึ่งร่างทรงได้บอกว่าสำหรับตนนั้นต้องทำพิธีอาบน้ำมนต์พิเศษกว่าคนอื่น เพราะของเขมรที่โดนทำใส่นั้นแรงมาก หากไปที่อื่นทำพิธีจะเรียกเงินครั้งละ 4-5 พันบาท แต่ที่นี่จะทำให้ฟรี
โดยให้ตนเข้าไปในห้องน้ำและได้ทำน้ำมนต์อาบให้กับตน จากนั้นให้เปลี่ยนใส่ชุดขาว ซึ่งก็ให้ตนถอดเสื้อผ้าออกให้หมด พร้อมทั้งนำเทียนมาจุดไฟและนำมาเขียนยันต์ลงตามร่างกายของตน ซึ่งก่อนหน้านี้ก็ทำแบบนี้มา 1 ครั้ง แต่ครั้งนี้ได้มีเพศสัมพันธ์กับตนด้วย
ระหว่างนั้นตนสังเกตเห็นแสงแฟลชจากโทรศัพท์ในร่องของประตูห้องน้ำ จึงผลักตัวของร่างทรงออกและรีบใส่เสื้อผ้าแต่กลับถูกดึงให้ไปทำพิธีต่อ ตนรู้สึกว่ามีคนแอบถ่ายอยู่นอกห้องน้ำจึงรีบออกมาทันที ซึ่งร่างทรงก็ทำทีเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ตนรู้สึกกลัวและไม่กล้าสู้หน้ากลัวจะมีเรื่อง เพราะออกมาเจอหน้าภรรยาของร่างทรงก็ทำหน้าไม่ดีกับตน และตนก็กลัวว่าสามีจะรู้เรื่องดังกล่าว จึงเก็บเรื่องราวไว้เพียงคนเดียว แต่ก็ได้ไปพูดเตือนให้ลูกศิษย์ของตำหนักอีกคนฟังเพื่อระวังตัว จากนั้นตนก็ถูกพูดใส่ร้ายจากร่างทรงต่างๆ นาๆ ต่อเนื่อง
จนวันนี้ตนทนไม่ไหวแล้วและได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว พร้อมทั้งแท็กลูกสาวและลูกเขยของตน จากนั้นภรรยาและร่างทรงพร้อมคนในครอบครัวได้มาต่อว่าลูกสาวและตนเองถึงห้องพักและจะแจ้งความที่ตนโพสต์ข้อความหมิ่นประมาท ตนได้ย้อนถามกลับไปว่ารู้มั้ยว่าสามีทำอะไรกับตนบ้าง ซึ่งภรรยาของร่างทรงก็ได้บอกว่าตนพยายามจะแย่งสามีและจะไปแจ้งความกลับด้วย ตนจึงนำเรื่องนี้ร้องทุกข์ขอความช่วยเหลือกับแอดมินเพจ “กำแพงเพชร ร้องเรียนอะไร บอกไว้ที่นี่”
โดยตนทนไม่ไหวแล้วกับการถูกกระทำดังกล่าว
แม้คนในครอบครัวหรือสามีจะรู้ก็ยอม แต่ต้องออกมาเปิดเผยเรื่องทั้งหมดเพื่อขอความเป็นธรรม โดยตนถูกกระทำมาทั้งหมด 2 ครั้ง จากนั้นก็เริ่มออกห่างร่างทรง ตนทราบว่ามีผู้เสียหายอีกหลายรายแต่ก็ไม่กล้ามาแสดงตัว โดยร่างทรงท้าทายให้ไปแจ้งความได้เลย พร้อมอ้างว่ามีลูกศิษย์เป็นตำรวจยศใหญ่มากมายไม่มีใครทำอะไรได้ ตนกลัวความไม่ปลอดภัยและอยากจะได้รับความเป็นธรรมจึงนำเรื่องทั้งหมดออกมาเปิดเผยครั้งนี้
น.ส.บี (นามสมมุติ) ผู้เสียหายรายที่ 2 เล่าว่า ตนได้ไปร่วมงานไหว้ครูที่ตำหนักร่างทรงดังกล่าว ซึ่งก็ได้ถูกทักว่าโดนทำของเขมรใส่ ต้องทำพิธีอาบน้ำมนต์ถอนของ โดยให้ตนเข้าไปในห้องน้ำภายในตำหนักและร่างทรงได้ล็อกประตู และพยายามจะถอดเสื้อผ้าของตนออก ตนปัดมือและบอกว่าไม่ขอถอดจากนั้นก็ได้ออกมาจากห้องน้ำทันที พร้อมเดินไปบอกภรรยาของร่างทรงว่า ร่างทรงจะให้ตนถอดเสื้อผ้า และพยายามจะให้ตนกินเหล้าครึ่งกลม แต่ตนกินไปนิดเดียว ซึ่งวันนั้นเป็นวันไหว้ครูภายในตำหนัก โดยเจ้าของตำหนักอ้างว่าเป็นร่างทรงปู่ฤาษี พรานบุญสายใต้ และสายยักษ์ ตนดูข่าวแนวนี้เลยไหวตัวทัน ซึ่งได้บอกกับแม่ตนเองว่าตนนั้นโดนของอยากให้อาบน้ำมนต์ แต่ตนไม่อาบจึงได้ทำน้ำมนต์ฝากกับแม่มาให้ตนอาบที่บ้านแทน โดยตนได้ถ่ายคลิปบางช่วงบางตอนขณะทำพิธีในตำหนักที่เกิดเหตุไว้ มรต้องทำพิธีแก้-กกก+LightDark
สาวร้องเพจดังกำแพงเพชร อ้างถูกร่างทรงล่วงละเมิดทางเพศ ทักโดนของเขมรต้องทำพิธีแก้ เชื่อมีผู้เสียหายอีกหลายราย ด้านตำรวจรวบรวมหลักฐานเพื่อที่จะออกหมายเรียก
จากกรณี แอดมินเพจ กำแพงเพชร ร้องเรียนอะไร บอกไว้ที่นี่ ได้รับการร้องทุกข์จากผู้เสียหายท่านหนึ่ง ว่าถูกร่างทรงล่วงละเมิดทางเพศ ถึง 2 ครั้ง โดยออกอุบายทักว่าโดนของต้องให้อาบน้ำมนต์ โดยต้องไปอาบน้ำมนต์ในห้องน้ำกันส่วนตัว อาศัยความเชื่อ ความกลัว ความศรัทธา มีเพศสัมพันธ์ #เหยื่อยังบอกอีกว่าไม่ได้มีเขาคนเดียวที่โดนแบบนี้ ยังมีผู้เสียหายอีกมาก หลังจากเกิดเหตุการณ์เหยื่อกังวลไม่กล้าบอกใคร กลัวครอบครัวรู้ แต่ที่ต้องออกมาเปิดโปงเพราะสุดทน ร่างทรงตามรังควานไม่เลิก จนมีปากเสียงกัน บานปลายเมียร่างทรงชี้หน้าด่า
ต่อมาเมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 29 พ.ย.67 แอดมินเพจฯ พร้อมทีมงาน ได้เดินทางพาผู้เสียหาย 2 ราย คือ น.ส.เอ (นามสมมุติ) อายุ 38 ปี และ น.ส.บี (นามสมมุติ) อายุ 27 ปี เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองกำแพงเพชร หลังได้รับการร้องทุกข์ขอความช่วยเหลือจากทางเพจ
โดยให้ข้อมูลอ้างว่าถูกร่างทรงพระพิราพ ปู่ตาไฟ ตาหลวงพรานบุญ เจ้าของตำหนักแห่งหนึ่งในพื้นที่ ม.6 ต.นครชุม อ.เมือง จ.กำแพงเพชร หลอกว่าถูกคนทำของเขมรใส่และต้องทำพิธีอาบน้ำมนต์ถอนของออกจากร่างกาย โดยหนึ่งในผู้เสียหายถูกหลอกให้ทำพิธีถึง 2 รอบ และหลอกมีเพศสัมพันธ์ในห้องน้ำภายในตำหนักวันทำพิธีไหว้ครูประจำปีของร่างทรง ซึ่งผู้เสียหายได้ไปร่วมพิธีไหว้ครูที่ตำหนักแห่งนี้เมื่อวันที่ 12 ก.ย.67 ที่ผ่านมา
น.ส.เอ (นามสมมุติ) ผู้เสียหาย เล่าว่า ก่อนหน้านี้ตนได้ไปรับน้ำมันจากพระวัดหนึ่งมาบูชาเพื่อให้ค้าขายดี แต่ชีวิตกลับแย่ลงเรื่อยๆ จึงได้เข้าไปหาร่างทรงที่ตำหนักแห่งนี้ให้ช่วยเหลือ ซึ่งก็โดนทักกลับมาว่าตนเองนั้นถูกทำของเขมรใส่ ซึ่งน้ำมันดังกล่าวที่นำมาจากพระเป็นน้ำมันผีตายโหง ทำให้ชีวิตต้องย่ำแย่ โดยต้องทำพิธีอาบน้ำมนต์ถอนของ ซึ่งร่างทรงได้บอกว่าสำหรับตนนั้นต้องทำพิธีอาบน้ำมนต์พิเศษกว่าคนอื่น เพราะของเขมรที่โดนทำใส่นั้นแรงมาก หากไปที่อื่นทำพิธีจะเรียกเงินครั้งละ 4-5 พันบาท แต่ที่นี่จะทำให้ฟรี
...
arrow_forward_iosอ่านเพิ่มเติม% buffered00:0000:5301:20Powered by GliaStudio
โดยให้ตนเข้าไปในห้องน้ำและได้ทำน้ำมนต์อาบให้กับตน จากนั้นให้เปลี่ยนใส่ชุดขาว ซึ่งก็ให้ตนถอดเสื้อผ้าออกให้หมด พร้อมทั้งนำเทียนมาจุดไฟและนำมาเขียนยันต์ลงตามร่างกายของตน ซึ่งก่อนหน้านี้ก็ทำแบบนี้มา 1 ครั้ง แต่ครั้งนี้ได้มีเพศสัมพันธ์กับตนด้วย
ระหว่างนั้นตนสังเกตเห็นแสงแฟลชจากโทรศัพท์ในร่องของประตูห้องน้ำ จึงผลักตัวของร่างทรงออกและรีบใส่เสื้อผ้าแต่กลับถูกดึงให้ไปทำพิธีต่อ ตนรู้สึกว่ามีคนแอบถ่ายอยู่นอกห้องน้ำจึงรีบออกมาทันที ซึ่งร่างทรงก็ทำทีเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ตนรู้สึกกลัวและไม่กล้าสู้หน้ากลัวจะมีเรื่อง เพราะออกมาเจอหน้าภรรยาของร่างทรงก็ทำหน้าไม่ดีกับตน และตนก็กลัวว่าสามีจะรู้เรื่องดังกล่าว จึงเก็บเรื่องราวไว้เพียงคนเดียว แต่ก็ได้ไปพูดเตือนให้ลูกศิษย์ของตำหนักอีกคนฟังเพื่อระวังตัว จากนั้นตนก็ถูกพูดใส่ร้ายจากร่างทรงต่างๆ นาๆ ต่อเนื่อง
จนวันนี้ตนทนไม่ไหวแล้วและได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว พร้อมทั้งแท็กลูกสาวและลูกเขยของตน จากนั้นภรรยาและร่างทรงพร้อมคนในครอบครัวได้มาต่อว่าลูกสาวและตนเองถึงห้องพักและจะแจ้งความที่ตนโพสต์ข้อความหมิ่นประมาท ตนได้ย้อนถามกลับไปว่ารู้มั้ยว่าสามีทำอะไรกับตนบ้าง ซึ่งภรรยาของร่างทรงก็ได้บอกว่าตนพยายามจะแย่งสามีและจะไปแจ้งความกลับด้วย ตนจึงนำเรื่องนี้ร้องทุกข์ขอความช่วยเหลือกับแอดมินเพจ “กำแพงเพชร ร้องเรียนอะไร บอกไว้ที่นี่”
โดยตนทนไม่ไหวแล้วกับการถูกกระทำดังกล่าว
แม้คนในครอบครัวหรือสามีจะรู้ก็ยอม แต่ต้องออกมาเปิดเผยเรื่องทั้งหมดเพื่อขอความเป็นธรรม โดยตนถูกกระทำมาทั้งหมด 2 ครั้ง จากนั้นก็เริ่มออกห่างร่างทรง ตนทราบว่ามีผู้เสียหายอีกหลายรายแต่ก็ไม่กล้ามาแสดงตัว โดยร่างทรงท้าทายให้ไปแจ้งความได้เลย พร้อมอ้างว่ามีลูกศิษย์เป็นตำรวจยศใหญ่มากมายไม่มีใครทำอะไรได้ ตนกลัวความไม่ปลอดภัยและอยากจะได้รับความเป็นธรรมจึงนำเรื่องทั้งหมดออกมาเปิดเผยครั้งนี้
น.ส.บี (นามสมมุติ) ผู้เสียหายรายที่ 2 เล่าว่า ตนได้ไปร่วมงานไหว้ครูที่ตำหนักร่างทรงดังกล่าว ซึ่งก็ได้ถูกทักว่าโดนทำของเขมรใส่ ต้องทำพิธีอาบน้ำมนต์ถอนของ โดยให้ตนเข้าไปในห้องน้ำภายในตำหนักและร่างทรงได้ล็อกประตู และพยายามจะถอดเสื้อผ้าของตนออก ตนปัดมือและบอกว่าไม่ขอถอดจากนั้นก็ได้ออกมาจากห้องน้ำทันที พร้อมเดินไปบอกภรรยาของร่างทรงว่า ร่างทรงจะให้ตนถอดเสื้อผ้า และพยายามจะให้ตนกินเหล้าครึ่งกลม แต่ตนกินไปนิดเดียว ซึ่งวันนั้นเป็นวันไหว้ครูภายในตำหนัก โดยเจ้าของตำหนักอ้างว่าเป็นร่างทรงปู่ฤาษี พรานบุญสายใต้ และสายยักษ์ ตนดูข่าวแนวนี้เลยไหวตัวทัน ซึ่งได้บอกกับแม่ตนเองว่าตนนั้นโดนของอยากให้อาบน้ำมนต์ แต่ตนไม่อาบจึงได้ทำน้ำมนต์ฝากกับแม่มาให้ตนอาบที่บ้านแทน โดยตนได้ถ่ายคลิปบางช่วงบางตอนขณะทำพิธีในตำหนักที่เกิดเหตุไว้
...
ล่าสุดเวลา 11.00 น. วันที่ 30 พ.ย.67 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังบ้านหลังหนึ่งในพื้นที่ ม.6 ต.นครชุม อ.เมือง จ.กำแพงเพชร เพื่อฟังความฝั่งร่างทรงที่ถูกอ้างว่าก่อเหตุกับสาวใหญ่ โดยผู้สื่อข่าวได้โทรศัพท์ไปหลายครั้งแต่ไม่รับสาย โดยบรรยากาศที่บ้านปิดเงียบไม่มีคนอยู่ สอบถามชาวบ้านที่อยู่ใกล้เคียงหลังจากรู้ข่าวก็ตกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นไม่คิดว่าจะมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น ซึ่งร่างทรงก็ดูเงียบๆ ไม่มีอะไร ซึ่งเรื่องงานไหว้ครูและเหตุที่เกิดขึ้นก็นานแล้วหลายเดือน แต่ก็งงอยู่ว่าทำไมถึงไปร้องเพจดังกล่าว ทำไมผู้หญิงถึงไม่ร้องทุกข์แจ้งความในวันเกิดเหตุเลย หรือจะมีปัญหาอะไรกันมากกว่านั้น
ด้านแอดมิน เพจกำแพงเพชร ร้องเรียนอะไร บอกไว้ที่นี่ ได้ให้ข้อมูลว่าขณะนี้กำลังรวบรวมผู้เสียหายจากกรณีดังกล่าวเพิ่มเติมคาดว่าน่าจะมีอีกหลายราย
ซึ่งทางเพจก็ยินดีที่จะพาผู้เสียหายเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับร่างทรงดังกล่าว
พร้อมเตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อในการทำพิธีต่างๆ เพราะอาจจะถูกหลอกเสียทั้งตัวเสียทั้งเงินชีวิตย่ำแย่
ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองกำแพงเพชร ได้รับแจ้งความร้องทุกข์จากผู้เสียหาย และรวบรวมหลักฐานเพื่อที่จะออกหมายเรียกร่างทรงดังกล่าวมาพบพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดี ซึ่งจากนี้ผู้เสียหายทั้ง 2 ราย จะเดินทางไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลกำแพงเพชร เพื่อนำผลตรวจส่งประกอบสำนวนคดีเพื่อเอาผิดร่างทรงผู้ก่อเหตุต่อไป.
พ.ต.อ.ฉกาจน์ เทียมวงศ์ รองผบก.ภูธรอุดรธานี พร้อมคณะ ร่วมแถลงการจับกุม 4 ผู้ต้องหาก่อเหตุรีดทรัพย์ประชาชน
รวบนักข่าวรีดทรัพย์
วันอังคารที่2กรกฎาคม2567 พ.ต.อ.ฉกาจน์ เทียมวงศ์ รองผบก.ภูธรอุดรธานี พร้อมคณะ ร่วมแถลงการจับกุม 4 ผู้ต้องหาก่อเหตุรีดทรัพย์ประชาชน โดยได้ของกลางเงินล่อซื้อ จำนวน 100,000 บาทโดยตำรวจชุดสืบสวน ได้รับแจ้งขอความช่วยเหลือจากผู้เสียหายว่าถูกกลุ่มบุคคล ตั้งตัวเป็นสื่อมวลชนอ้างเรียกรับเงิน เพื่อแลกกับการไม่ร้องเรียนการทำงาน จนท.ตำรวจชุดจับกุม วางแผน ซ้อนแผน นำกำลัง ดักรอผู้ต้องหาที่บริเวณลานจอดรถตลาดสดแห่งหนึ่ง ในพื้นที่บ.หนองตูม ต.บ้านจั่น อ.เมืองอุดรธานีจนกระทั่งเวลาประมาณ 17.30 น.ผู้ต้องหาปรากฏตัว จึงเข้าทำการจับกุมโดยมีการขัดขืน และพยายามจะขับรถหลบหนี แต่ท้ายสุดเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมสถานการณ์และจับกุมตัวกลุ่มนี้เอาไว้ได้ พร้อมตั้งข้อหาร่วมกันกรรโชก ซึ่งพฤติการณ์ นี้มีโทษจำคุก 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาททั้งนี้หากประชาชนท่านใดที่เคยได้รับความเดือดร้อนจากการถูกข่มขู่ในลักษณะเดียวกันนี้จากกลุ่มผู้ต้องหาหรือกลุ่มอื่นที่มีพฤติการณ์คล้ายกันสามารถแจ้งตำรวจชุดสืบภูธรจังหวัดอุดรธานีในการดำเนินการตามกฎหมายกับกลุ่มผู้กระทำความผิดได้ภาพข่าว : ทันข่าวชาวอุดร
เหตุยกเค้าโรงเรียนเสียหายเกือบครึ่งล้าน
เมื่อเวลา 10:00 นวันที่ 24 มิถุนายน 67 ร้อยตำรวจเอกอภิมุข สุวพันธ์ รองสารวัตรสอบสวนสภ.เมืองอุดรธานี ได้รับแจ้งเหตุ มีคนร้ายก่อเหตุงัดพร้อมยกเขาทรัพย์สินโรงเรียนบ้านพรสวรรค์ ต.หนองนาคำมูล เสียหายหลายแสนบาท
พบร่องรอยคนร้ายงัดประตูห้องพังเสียหาย ด้านในมีร่องรอยการรื้อค้นตู้เย็นขนาดใหญ่ถูกงัดขโมยคอมเพรสเซอร์ พัดลมเพดานอีกหลายตัวภายในห้องครัว พบว่ามีการรื้อค้นตัดสายไฟขโมยหม้อข้าวขนาดใหญ่ของเด็ก รวมทรัพย์สินประเมินเบื้องต้นเกือบครึ่งล้านบาท
นายธนกร เผ่าพันธุ์ทผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านพรสวรรค์ เล่าว่า โรงเรียนดังกล่าวเป็นโรงเรียนประถมศึกษา ช่วงนี้ได้นำนักเรียนไปเรียนต่ออีกที่แห่งหนึ่ง ทำให้โรงเรียนไม่มีคนดูแล จึงเป็นเหตุให้คนร้ายเข้ามาก่อเหตุลักทรัพย์
จากนั้นไม่นานผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านได้นำเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนไปตรวจสอบกลุ่มเป้าหมายภายในหมู่บ้าน พบ" เสือโมหมาเมิน " กำลังเตรียมจะหลบหนี จากการตรวจค้นเพิงพักภายในป่าละเมาะข้างทาง พบทีวีขนาดใหญ่ 2 เครื่อง และทีวีขนาดใหญ่ที่ยังไม่แกะออกจากกล่องอีก 1 เครื่องซุกซ่อนอยู่ใต้ที่นอน
จากการสอบปากคำ " เสือโมหมาเมิน" ผู้ต้องหา ให้การรับสารภาพเข้าไปขโมยทรัพย์สินภายในโรงเรียนจริง จึงนำตัวมาขยายผลที่สภ.อเมืองอุดรธานีต่อไป
ตร.หนองหานเข้มข้น จับเอเยนต์ยาบ้าพร้อมของกลางรวม 20,840 เม็ดตร
ตร.หนองหานเข้มข้น จับเอเยนต์ยาบ้าพร้อมของกลางรวม 20,840 เม็ดตร.หนองหาน พร้อมชุดปรามยาเสพติด กก.สืบสวน ภ.จว.อุดรธานี ได้จับกุมผู้ต้องหา 2 คน คือ ชาย อายุ 22 ปี ชาวหมู่ 12 ต.ผักตบ อ.หนองหาน จ.อุดรธานีพร้อมยาบ้า จำนวน 10,840 เม็ด บริเวณกระท่อมนา บ้านป่าก้าว ม.12 ต.โพนงาม อ.หนองหาน จ.อุดรธานีและสามารถผู้ต้องหาชาย อายุ 26 ปี ราษฎร ม.10 ต.บ้านขาว อ.เมืองอุดรธานี จ.อุดรธานี พร้อมด้วยของกลาง ยาบ้า จำนวน 17,000 เม็ด ได้ที่ ศาลาพักบ้านนิคมหนองตาล ขาเข้า อ.หนองหาน ต.โพนงาม อ.หนองหาน จ.อุดรธานี เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้นำตัวผู้ต้องหา พร้อมด้วยของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.หนองหาน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
จับแล้วโจรอ้างดูหม้อแปลงไฟฟ้า
จับแล้วโจรอ้างดูหม้อแปลงไฟฟ้า แล้วขโมยทองที่บ้านดุงชื่นชมเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.ดงเย็น อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี ที่สามารถแกะรอยแก๊งโจรทำทีมาตรวจหม้อแปลงไฟฟ้าของ ในบ้านของสองตายยายชาวอำเภอบ้านดุงอุดรธานี ได้ทรัพย์สินนับแสนบาทจากการแกะรอยจากกล้องวงจรปิด จากที่เกิดเหตุ ซึ่งรถของผู้ต้องหาขับผ่านป้อมมีชัย เวลา 12.00 น. และขับผ้านถนนหน้าบ้านกำนันนิรุธ พรมหมอก เวลา 13:26 น. จนสามรถจับกุมได้ในบ่ายวันที่ 13 มิ.ย.67 จับกุมได้ ที่บ้านวังพระองค์ เป็นผู้ต้องหา ชาย 2 คน และทรัพย์สินจำนวนหนึ่ง ภาพข่าว : กำนันนิรุธ พรมหมอก
จับได้ยกแก๊งกลุ่มคนส่งปลารุมกระทืบมีดแทงก้นเย็นวันนี้ (14 มิ.ย.67)
จับได้ยกแก๊งกลุ่มคนส่งปลารุมกระทืบมีดแทงก้นเย็นวันนี้ (14 มิ.ย.67) ที่ ห้องสืบสวน สภ.เมืองอุดรธานี พ.ต.อ.พัฒนวงศ์ จันทร์พล ผกก.สภ.เมืองอุดรธานี พ.ต.ท.นิธิศ รอดคลองตัน รอง ผกก.สส.สภ.เมืองอุดรธานี พ.ต.ท.บรรจง สว.สส.สภ.เมืองอุดรธานี พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม ร่วมกันแถลงข่าวผลการจับกุมตัวผู้ต้องหาร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่นได้รับบาดเจ็บสาหัส โดยใช้อาวุธมี_ด ประกอบด้วย ผู้ต้องหา 7 คน คือ นายไก่ , นายแบ๊งค์ , นายน็อต, นายโก้ , นายท็อป นายกุ้ง อายุ 43 ปี และนายต้น อายุ 31 ปี พร้อมตรวจยึดของกลาง รถยนต์กระบะยี่ห้อ โตโยต้า รุ่นรีโว้ สีขาว ทะเบียน สกลนครสืบเนื่องจากวันที่ 11 มิ.ย.67 เกิดเหตุทำร้ายร่างกาย โดยใช้แทvก้นนายถนอมได้รับบาดเจ็บ ที่ บริเวณตลาดร่มขาวสี่แยกหมอระไว ต.หมากแข้ง อ.เมือง จ.อุดรธานีนายแบงค์ เปิดเผยว่า วันเกิดเหตุนั้นตนเอาปลามาส่งที่ตลาด ตนไม่ได้จอดรถขวางทางเข้าตลาด จากนั้นนายถนอมได้เดินมาโวยวายกับตนบอกว่าตนจนจอดรถขวาง ก็บอกให้นายถนอมพูดกับเขาดีๆจากนั้นเขาก็ท้าทายชกต่อย ตนจึงเดินไปที่รถ ต่อมานายถนอมได้เดินมาตบหั จึงชกต่อยกันแต่นายถนอมสู้ตนไม่ได้ เขาก็เลยไปตามพวกมารุม ตนสู้ไม่ได้ จึงไปฟ้องพี่ชาย จากนั้นพี่ชายก็เอาพวกมารุมเอาคืนขณะที่มือมี_ด คือ นายไก่ บอกตอนแรกตนก็ไม่รู้ว่าจะมามีเรื่อง ลูกพี่ให้ขึ้นรถ ตนก็ขึ้นรถไปกับลูกพี่ โดยเอามีดไปด้วยพอไปถึงที่เกิดเหตุก็ลงจากรถ ก็เดินเข้าไปต่อย จากนั้นก็เอามี_ดแทvที่ก้น ส่วนตัวแล้วตอนก็คิดว่าผิดอยากขอโทษเขา แต่เหตุที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเพราะเขาหาเรื่องก่อน ซึ่งหากเขาไม่เริ่มก่อนเรื่องนี้ก็จะไม่เกิดขึ้นจากภาพวงจรปิดจุดที่มีเรื่องกันก่อนหน้านั้น พบว่าทั้ง 2 ฝ่ายต่างมีปากเสียงกัน แต่ด้านฝั่งของกลุ่มผู้ต้องหา คือนายแบงค์ ได้ใช้หมัดต่อยนายถนอมก่อน สำหรับอาการของนายถนอมขณะนี้ปลอยภัยตอนนี้แพทย์ผ่าตัดเอามีดออกจากก้นแล้ว และอยู่ระหว่างพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล...ศาลอนุญาตให้ฝากขังได้ ต่อมานายเชาว์ แก่นสวาท ทนายของอดีตกำนันนก เปิดเผยสั้นๆ ว่าวันนี้ไม่มีการยื่นประกันตัวกำนันนก เพราะเจ้าตัวไม่ประสงค์จะขอประกัน โดยไม่ระบุเหตุผล