รวบขบวนการปลอมเป็นบริษัท "ส่งออกไก่สด" หลอกขายต่างชาติ เสียหายกว่า 3.5 ล้าน
รวบขบวนการปลอมเป็นบริษัท "ส่งออกไก่สด" หลอกขายต่างชาติ เสียหายกว่า 3.5 ล้าน
"ตำรวจไซเบอร์" รวบขบวนการปลอมเป็นบริษัท "ส่งออกไก่สด" รายใหญ่ หลอกขายต่างชาติ เสียหายกว่า 3.5 ล้านบาท
เมื่อวันที่ 30 พ.ย. 2567 พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รรท.ผบช.สอท. สั่งการให้ พล.ต.ต.นิพล บุญเกิด ผบก.สอท.2 นำกำลังพร้อมหมายจับศาลอาญา ที่ 5779,5780/2567 ลงวันที่ 28 พ.ย. 2567 เข้าจับกุม น.ส.วิภาพร ตองแก้ว อายุ 36 ปี ชาว จ.กาญจนบุรี และ MR.ETIENNE KUKWA อายุ 35 ปี สัญชาติแคเมอรูน ในความผิดฐาน "ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน โดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อประชาชน"
พล.ต.ท.ไตรรงค์ กล่าวว่า สืบเนื่องจาก พ.ต.อ.สุวัฒชัย ศรีทองสุข ผกก.1 บก.สอท.2 ได้รับการร้องทุกข์จากบริษัทนำเข้าสินค้าประเทศมาเลเซียและบริษัทส่งออกสินค้าเกษตรของไทย ว่ามีกลุ่มคนร้ายจดทะเบียนพาณิชย์โดยใช้ชื่อ บริษัท ซี.พี.โพรเซสซิ่ง จำกัด (CP PROCESSING CO., LTD) เพื่อให้มีชื่อตรงหรือคล้ายกับบริษัทส่งออกสินค้าเกษตรประเภทเนื้อสัตว์ ที่ได้รับการรับรองจากหน่วยงานกระทรวงเกษตรและความมั่นคงด้านอาหาร ของประเทศมาเลเซีย ตามที่มีชื่อประกาศในเว็บไซต์ราชการของประเทศมาเลเซีย โดยทางบริษัทนำเข้าสินค้าของมาเลเซียรายดังกล่าว ได้โอนเงินในการสั่งซื้อสินค้าประเภทไก่สดแต่ไม่ได้รับสินค้า ทำให้เกิดความเสียหายเป็นเงิน จำนวน 3,577,806 บาท สร้างความเสียหายและความน่าเชื่อถือกับทางบริษัทที่ทำธุรกิจส่งออก
ทางตำรวจชุดสืบสวน กก.1 บก.สอท.2 จึงทำการสืบสวนเพื่อแกะรอยหาผู้กระทำผิดและผู้ร่วมขบวนการ จนพบว่ามีผู้เกี่ยวข้องในการกระทำผิด จำนวน 2 ราย คือ น.ส.วิภาพร ตองแก้ว มีตำแหน่งเป็นกรรมการผู้จัดการบริษัท อีกทั้งเป็นผู้โอนเงินให้กับผู้ร่วมขบวนการ และ MR.ETIENNE KUKWA ซึ่งเป็นผู้รับผลประโยชน์หรือได้รับเงินจากการโอนเข้าบัญชีธนาคารตามเส้นเงินจากการหลอกลวง
ทั้งนี้ พบหลักฐานว่า น.ส.วิภาพร ได้มีการลงทุนจดทะเบียนเปิดบริษัทใช้ชื่อคล้ายกับชื่อของบริษัทจริงที่ประกอบธุรกิจค้าเนื้อสัตว์ประเภทไก่สดรายใหญ่ ต่อมามีบริษัทซึ่งเป็นผู้เสียหายหลงเชื่อได้ติดต่อซื้อไก่สดจำนวนมาก เพื่อให้ส่งไปยังประเทศมาเลเซีย โดยหลังจากโอนเงินเข้าบัญชีของ น.ส.วิภาพร จากนั้น น.ส.วิภาพร จะโอนเงินต่อไปเข้าบัญชีของ MR.ETIENNE KUKWA โดยไม่ได้มีการส่งสินค้าให้ตามรายการสั่งซื้อแต่อย่างใด ก่อนทางบริษัทผู้เสียหายส่งตัวแทนเข้าร้องทุกข์กับตำรวจไซเบอร์ เพื่อติดตามคนร้ายและผู้เกี่ยวข้องที่หลอกขายสินค้า
ต่อมา จึงทำการรวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้กระทำผิดทั้งสองราย โดยติดตามจับกุม น.ส.วิภาพร ได้ในพื้นที่ย่านวังทองหลาง กรุงเทพฯ ส่วน MR.ETIENNE KUKWA ติดตามจับกุมได้ในพื้นที่ย่านบางโพงพาง กรุงเทพฯ พร้อมตรวจยึดของกลาง ประกอบด้วย เงินสด 705,000 บาท, สมุดบัญชีธนาคารของผู้ต้องหาและบุคคลอื่นรวม 14 บัญชี, พาสปอร์ต 2 เล่ม, โทรศัพท์และแท็บเล็ต 11 เครื่อง คอมพิวเตอร์ 3 เครื่อง, บัตรเอทีเอ็มและบัตรเครดิต 17 ใบ, แฟลชไดร์ฟ 2 อัน นอกจากนี้ยังได้อายัดเงินในบัญชีธนาคารที่ใช้ก่อเหตุ จำนวน 2 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม จากการสอบปากคำผู้ต้องหาทั้งสองยังให้การปฏิเสธเสียงแข็งว่าไม่ได้กระทำผิด โดยตำรวจมีหลักฐานมัดตัวแน่นหนาในการเอาผิดกับผู้ต้องหาทั้งสองราย ก่อนควบคุมตัวดำเนินการตามกฎหมายต่อไป.
พ.ต.อ.ฉกาจน์ เทียมวงศ์ รอง ผบก.ภ.จว.อุดรธานี เปิดเผยว่า จากการประชุมของทีมสืบสวนเมื่อวาน " ตอนนี้ได้สั่งการให้มีการแบ่งชุดทำงาน
ความคืบหน้าน้ำอัดลมมรณะจากกรณีสาวใหญ่ หนองวัวซอ อุดรธานี ดื่มน้ำอัดลมแล้วน้ำลายฟูมปากดับสลด ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น ความคืบหน้าล่าสุด พ.ต.อ.ฉกาจน์ เทียมวงศ์ รอง ผบก.ภ.จว.อุดรธานี เปิดเผยว่า จากการประชุมของทีมสืบสวนเมื่อวาน " ตอนนี้ได้สั่งการให้มีการแบ่งชุดทำงานออกเป็น 2 ชุด ชุดสืบสวนของตำรวจภูธรจังหวัดอุดรธานี และชุดสืบสวนหนองวัวซอ จะลงพื้นที่ติดตามพยานบุคคลในพื้นที่ที่คาดว่ามีส่วนเกี่ยวข้อง พยานแวดล้อมจากเพื่อนบ้านข้างเคียงและ กล้องวงจรปิด ทั้งนี้พนักงานสอบสวนได้มีการสอบปากคำพยานไปแล้ว 2 คน คือ ตัวสามีและลูก นอกจากนี้เรายังมีการเก็บวัตถุพยานต่างๆ ส่งตรวจพิสูจน์หลักฐาน ทางนิติวิทยาศาสตร์จากการประชุมตำรวจตั้งปมประเด็นไว้ 2 ประเด็น คือ ความขัดแย้งทะเลาะวิวาทภายในครอบครัว และประเด็นที่ 2 คือ ความขัดแย้งกับเพื่อนบ้าน โดยประเด็นความขัดแย้งกับเพื่อนบ้านเนื่องจากว่า ครอบครัวของผู้ตายเป็นคนเร่ร่อนไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ก็จะมีปัญหากับชาวบ้าน ส่วนปัญหาภายในครอบครัว คือ ปมปัญหากับลูกสะใภ้ กรณีที่ลูกสะใภ้ที่ตกผู้ต้องสงสัย ตอนนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างการติดตามมาสอบปากคำ เนื่องจากว่า หลังเขาทะเลาะกับครอบครัวนี้ 2 อาทิตย์ที่ผ่านมา เขาก็หายออกจากบ้านไป แต่ตอนนี้เราได้ข้อมูลว่ายังวนเวียนในหมู่บ้าน
ตร.หนองหานสุดยอดรวบวันเดียวจับผู้ต้องหา 11 คนชุดสืบสวนฯ สถานีตํารวจภูธรหนองหาน จ.อุดรธานี
ตร.หนองหานสุดยอดรวบวันเดียวจับผู้ต้องหา 11 คนชุดสืบสวนฯ สถานีตํารวจภูธรหนองหาน จ.อุดรธานี ได้ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหา 11 คน ประกอบด้วย ชาย 28 ปี ชาวต.โนนสูง อ.เมือง , หญิง 25 ปี ชาวต.หัวนาคำ อ.ศรีธาตุ ,ชาย 31 ปี ต.บะยาว อ.วังสามหมอ และชาย 30 ปี ชาว ต.หนองแวง อ.วานรนิวาส จ.สกลนคร สามารถยึดยาบ้า จากผู้ต้องหาทั้ง 4 คนได้ จำนวน 2,020 เม็ด จับได้ที่ห้องเช่า บ.หนองตาไก้ ต.หนองเม็ก อ.หนองหาน จ.อุดรธานีนอกจากนี้ยังจับกุมผู้ต้องหาในคดีต่างๆ ในพื้นที่อำเภอหนองหานจำนวนมาก เช่น ชาย 27 ปี ต.หนองสระปลา (ยาบ้า 22 เม็ด) , ชาย 26 ปี ต.หนองสระปลา (ยาบ้า 5 เม็ด),ชาย 32 ปี ต.บ้านเชียง (ยาบ้า 1 เม็ด) , ชาย 32 ปี ต.บ้านเชียง (อาวุธปืu) , ชาย 25 ปี ต.หนองเม็ก (เสพ) ,ชาย 31 ปี ต.หนองสระปลา (เสพ) ,ชาย 22 ปี ต.หนองเม็ก อ.หนองหาน จ.อุดรธานี (บุกรุกเคหะสถานในเวลากลางคืน)เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้นำตัวผู้ต้องหาพร้อมด้วยของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.หนองหาน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ตร.ยันจับแล้ว 2 เด็กช่างไล่ยิงคู่อริดับ วางแผนก่อนลงมือ ใช้ปืน 4 กระบอก
ตร.ยันจับได้แล้ว 2 ราย นักเรียนนักเลง ไล่ยิงนักศึกษาสถาบันคู่อริ ดับ 1 บาดเจ็บอีก 1 ยอมรับสารภาพเป็นคนในกล้องวงจรปิด เผยพฤติกรรมมีการรวมตัวนัดแนะวางแผน ใช้อาวุธปืน 4 กระบอกในการก่อเหตุ รอง ผบช.น. คาดมีการอุปโลกน์ สร้างโลกเสมือนจริงตั้งกลุ่มแก๊งเพื่อให้เป็นที่ยอมรับจากกลุ่มอื่นๆ
จากกรณีกลุ่มนักศึกษาอาชีวะ 2 สถาบัน ก่อเหตุทะเลาะวิวาทโดยใช้อาวุธปืนยิงใส่นายพีรพงษ์ เอี่ยมรอด หรือบอล อายุ 19 ปี ปวช.ชั้นปี 2 วิทยาลัยเทคโนโลยีแห่งหนึ่ง กระสุนเข้าที่หน้าอก 1 นัด บาดเจ็บสาหัส ก่อนไปเสียชีวิตที่ รพ.ร่วมใจรักษ์ และมีผู้บาดเจ็บ 1 ราย คือ นายพีรพัฒน์ คำหอม อายุ 15 ปี ปวช.ชั้นปี 1 วิทยาลัยเทคโนโลยีเดียวกัน ถูกยิงเข้าที่ขา ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย โดยกลุ่มผู้ก่อเหตุเป็นนักเรียนอาชีวะ วิทยาลัยเทคโนโลยีช่างแห่งหนึ่ง 14 คน เหตุเกิดบริเวณซอยวชิรธรรมสาธิต 14 แขวงบางจาก เขตพระโขนง กทม. เมื่อวันที่ 13 มิ.ย. เวลาประมาณ 15.00 น.
ความคืบหน้าที่ สน.บางนา เมื่อเวลา 13.55 น. วันที่ 15 มิถุนายน 2567 พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร., พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น., พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น., พล.ต.ต.วิทวัฒน์ ชินคำ ผบก.น.5, พ.ต.อ.ศิรณวิชญ์ อินทร ผกก.สส.บก.น.5, พ.ต.อ.สุรพงษ์ สุขแย้ม ผกก.สน.บางนา พร้อมทั้งเจ้าหน้าที่ สส.บก.บช.น., สส.บก.5 บช.น. และเจ้าหน้าที่สืบสวน สน.บางนา ร่วมประชุมติดตามความคืบหน้าของคดี
ภายหลังการประชุมนาน 1 ชั่วโมง พล.ต.ท.สำราญ กล่าวว่า วันนี้ได้มีการประชุมติดตามในคดีดังกล่าว โดยร่วมกับเจ้าหน้าที่ สส.บก.บช.น., สส.บก.5 บช.น. และเจ้าหน้าที่สืบสวน สน.บางนา ซึ่งสืบสวนคืบหน้าไปมากแล้ว ในส่วนของการป้องกันคงจะนำเคสนี้ไปสู่การปฏิบัติต่อไป
ด้าน พล.ต.ต.นพศิลป์ กล่าวว่า จากการรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมด สามารถทราบตัวบุคคลผู้กระทำความผิดและผู้ที่เกี่ยวข้องแล้วทั้งหมด เป็นผู้ใหญ่ 5 คน เป็นเยาวชน 9 คน โดยมี 4 คน เป็นผู้ใช้อาวุธปืน 4 กระบอก ยิงใส่ผู้ตายและผู้บาดเจ็บ และทั้งหมดรับว่าเป็นผู้ยิง ซึ่งในวันนี้ได้เดินทางมาพบพนักงานสอบสวนแล้ว 2 คน โดย 1 ใน 2 คน เจ้าหน้าที่ได้มีการนำตัวไปตรวจยึดอาวุธปืนขนาด .38 ที่บ้านพักหลังวัดบางนาใน โดยจะนำไปตรวจสอบต่อไป เบื้องต้นผู้ต้องหาทั้ง 2 คน จะมีการแจ้งข้อกล่าวหาต่อไป ส่วนผู้เกี่ยวข้องที่เหลือก็จะดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อออกหมายจับต่อไป
พล.ต.ต.นพศิลป์ กล่าวว่า โดยพฤติกรรมของฝั่งผู้ก่อเหตุ คาดว่ามีการรวมตัวนัดแนะวางแผนที่จะใช้อาวุธปืนไปก่อเหตุ โดยสืบทราบมาแล้วว่ากลุ่มผู้ตายและผู้บาดเจ็บจะมีการรวมตัวกันที่จุดใด จึงนำสู่การก่อเหตุ และกลุ่มผู้ก่อเหตุบางส่วนที่มาพบพนักงานสอบสวนในวันนี้ ให้การรับสารภาพว่า เป็นผู้ปรากฏตามภาพในกล้องวงจรปิดจริง ซึ่งตำรวจคาดว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุมีการอุปโลกน์ สร้างโลกเสมือนจริง สร้างกลุ่มแก๊งเพื่อให้เป็นที่ยอมรับจากกลุ่มอื่นๆ โดยตำรวจจะขออำนาจศาลเยาวชนและศาลอาญาพระโขนง ในการออกหมายจับผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับผู้ก่อเหตุที่ใช้อาวุธปืนยิงนั้นมีทั้งหมด 4 ราย ขณะนี้จับกุมได้แล้ว 2 ราย คือ นายบูม อายุ 20 ปี โดยตามไปยึดของกลางเป็นเสื้อกางเกงและหมวกกันน็อก ภายในบ้านแห่งหนึ่งด้านหลังวัดบางนาใน โดยนายบูมใช้อาวุธปืนแม็กกาซีน ยี่ห้อแรมโบ้ ขนาด .38 สีดำเงิน ยิงไปจำนวน 2 นัด และได้นำอาวุธปืนกระบอกดังกล่าวนำไปทิ้งไว้ระหว่างทางไป จ.ชลบุรี และนายโชกุล อายุ 18 ปี ยึดเสื้อกางเกงได้ที่บ้านนายบูมหลังวัดบางนาใน และหมวกกันน็อกยึดได้ที่บ้านพักในซอยอ่อนนุช 29 โดยนายโชกุลใช้อาวุธปืนปากกาสีเงิน ขนาด .38 ใช้ยิง 1 นัด หลังเกิดเหตุได้นำอาวุธไปทิ้งไว้บริเวณทางออกหลังวัดลานบุญ (มอเตอร์เวย์)
นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจยังสืบทราบว่ายังมีกลุ่มนักเรียนอาชีวะที่มีอาวุธปืนอีก 2 คน คือ นายต้า อายุ 17 ปี และนายที อายุ 16 ปี ที่เป็นเยาวชน ได้พกพาอาวุธปืนไปในวันที่เกิดเหตุด้วย โดยนายต้าใช้อาวุธปืนลูกซองเบอร์ 20 โดยได้ยิง 2 ครั้ง แต่กระสุนด้านทั้ง 2 นัด และได้นำอาวุธปืนไปทิ้งไว้ที่โรงเรียนคลองปักหลัก ประเวศ สุขาภิบาล 2 และคนสุดท้าย คือ นายที ใช้อาวุธปืนไทยประดิษฐ์หักลำ ขนาด .38 วันเกิดเหตุยิงไป 1 นัด โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเร่งติดตามจับกุม และอยู่ในระหว่างติดตามยึดอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุตามคำรับสารภาพของผู้ก่อเหตุต่อไป